ช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 19 มิ.ย.)โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปล่อยให้ "หยก" เดินเข้าโรงเรียนได้เหมือนนักเรียนคนอื่นๆ โดยไม่มีการขัดขวางใดๆ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาโรงเรียนประกาศให้ "หยก" พ้นสภาพการเป็นนักเรียนเพราะทำผิดกฎระเบียบ และไม่มีผู้ปกครองมามอบตัวตามกำหนด จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ แต่หยกก็ยังฝ่าฝืนประกาศ ปีนรั้ว ปีนหน้าต่างเข้าโรงเรียน

ซึ่งวันนี้ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวจากทางโรงเรียน แต่มีตำรวจกองร้อยน้ำหวานนอกเครื่องแบบประมาณ 10 นาย เข้าไปในโรงเรียน

“หยก” โพสต์แจง 5 ข้อ ยันไม่ได้ดื้อ แต่สิ่งที่ทำอยู่ใน รร.ไม่ปกติ

"อดีตครูฝ่ายปกครอง"ชี้ อ้างเสรีภาพได้แต่ต้องเคารพกฎ

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามไปยัง พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลประเวศ ถึงสาเหตุที่ให้กองร้อยน้ำหวานเข้ามาในโรงเรียนว่าเข้ามาจับกุมตัว "หยก" หรือไม่ ทางผู้กำกับการฯชี้แจงว่า ไม่ได้เข้าไปจับกุม และไม่มีการแจ้งความใด ๆ แต่ทางโรงเรียนได้ประสานขอให้ ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยของบุคลากรในโรงเรียน และป้องกันการกระทบกระทั่งกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยส่งตำรวจมาบ้างทั้งในและนอกเครื่องแบบแต่ครั้งนี้ที่ส่งตำรวจหญิงเข้าไปดูแลเพื่อให้บรรยากาศดูอ่อนลง

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ พร้อมกับ บุ้ง-เนติพร ในฐานะผู้ปกครองของหยก เพื่อหาแนวทางให้ "หยก" ได้เรียนต่อ

น.ส.เบญจา บอกว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อผู้อำนวยการโรงเรียนได้ ขณะเดียวกันในที่ประชุมก็เห็นตรงกันว่าอยากให้ผู้ปกครองตัวจริงของหยกมาร่วมหารือมากกว่าเพราะ บุ้ง-เนติพรไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆและตอนนี้แต่ละฝ่ายกำลังเสนอข้อคิดเห็นแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปจึงอยากให้ได้ข้อสรุปก่อนแล้วค่อยนำไปเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง

ด้านบุ้ง-เนติพร ในฐานะผู้ปกครองของหยก ยอมรับว่าเธอเป็นเพียงตัวแทนผู้ปกครอง ไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ แต่เธอก็ยินดีพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ส่วนตัวก็มองว่ายังไม่เห็นทางออกของเรื่องนี้

ขณะที่"หยก" บอกว่าพรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ช้าไปหน่อย และมองว่าตัวเธอเองก็มีสิทธิในการเรียนต่ออยู่แล้ว เพราะกสม. ก็ยืนยันว่าการมอบตัวสำเร็จแล้ว และควรเห็นแก่การเรียนของเธอเป็นอันดับแรก

ซึ่งวันนี้หลังจากที่เธอเข้าไปเรียน ปรากฎว่าคาบสุดท้ายครูไม่ให้ส่งงาน อ้างว่าไม่มีชื่อเธอในใบรายชื่อ ขณะที่วิชาอื่นๆ ยังส่งงานได้ปกติ ซึ่งส่วนตัวก็อยากพูดคุยกับผู้บริหารให้ชัดเจนถึงสาเหตุที่ให้เธอออก ว่าเป็นเพราะผู้ปกครอง การแต่งกาย ทรงผม หรือ ม.112 กันแน่

เมื่อถามถึงกระแสบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับเธอ มองว่าการเข้ามาเรียน เรื่องเครื่องแบบหรือทรงผมต้องปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน “หยก” บอกว่า กฎ สำหรับตัวเองต้องเป็นกฎที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพตามร่างกาย ไม่ใช่การกดหรือบีบบังคับ เธอบอกว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าทางออกตรงกลางที่ 2 ฝ่ายรับได้คืออะไร เพราะยืนยันสิทธิ์ในการเข้าเรียนของตัวเอง ส่วนทรงผมและการแต่งกายจะเป็นเงื่อนไขหรือไม่ ยังไม่ได้คิด เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับโรงเรียนให้ชัดเจน

ย้อนดูไทม์ไลน์ประเด็นของ "หยก" วันอังคารที่ 13 มิ.ย. เธอโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าถูกโรงเรียนไล่ออก และห้ามเธอเข้าโรงเรียนเพราะถือว่าเป็นบุคคลภายนอกซึ่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแจ้งว่าจะคืนค่าเทอมให้ทั้งหมด ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเพราะเธอทำผิดกฏระเบียบของโรงเรียนคือย้อมสีผม และใช้ชุดไปรเวทมาเรียน ซึ่งก่อนโพสต์นี้ 1 วัน เธอโพตส์เฟซบุ๊กบอกว่าตัวเองใส่ชุดไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน โดยให้เหตุผลว่าทรงผมและการแต่งตัวเป็นสิทธิพื้นฐานในร่างกาย และไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการเรียน

วันถัดมา (14 มิ.ย.) "หยก" แต่งชุดไปรเวท ย้อมสีผม เดินทางมาเรียน แต่ทางโรงเรียนปิดประตูไม่ให้เข้า เธอจึงปีนรั้วเข้าโรงเรียนและไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

วันที่ 15 มิ.ย. "หยก" ก็ยังคงแต่งกายผิดระเบียบ และฝ่าฝืนคำสั่งปีนรั้วเข้าโรงเรียนเป็นครั้งที่ 2 แต่ครั้งนี้ทางโรงเรียนได้ออกหนังสือชี้แจง สาเหตุที่ "หยก" พ้นสภาพนักเรียน เพราะไม่มีผู้ปกครองมารายงานตัวตามกำหนด และไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน

"หยก" ยังคงไม่หยุดความพยายาม วันที่ 16 มิ.ย. เธอแต่งกายผิดระเบียบและพยายามเข้าโรงเรียนโดยการปีนรั้วเข้าโรงเรียนเป็นครั้งที่ 3 แต่ถูกทางโรงเรียนขู่จะแจ้งความขอหาบุกรุก สุดท้าย "หยก" ก็ไปปีนหน้าต่างห้องปกครองที่อยู่ประตูดด้านข้างเข้าโรงเรียน

และล่าสุดวันนี้ "หยก" ก็ยังคงแต่งกายผิดระเบียบไปโรงเรียน แต่รอบนี้ทางโรงเรียนปล่อยให้เข้าตามปกติ ไม่มีการขัดขวางใด ๆคำพูดจาก สล็อตวอเลท